การท่องเที่ยวในประเทศที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง คงจะเป็นหนึ่งใน ‘To do List’ ของใครหลายคน เพราะเราจะได้พบประสบการณ์ใหม่ ๆ เมื่อเดินทางไปเยี่ยมเยือนสถานที่ที่แตกต่างจากเดิม และก่อนที่เราจะออกเดินทาง การแต่งตัวให้เหมาะสมกับอากาศและสภาพแวดล้อมของแต่ละประเทศ ก็เป็นเรื่องสำคัญที่เราไม่ควรละเลย ทั้งเสื้อกันหนาว กางเกง  และยังรวมไปถึง รองเท้ากันหิมะ ที่จะช่วยให้เราปลอดภัย และปกป้องเราจากอากาศหนาวเย็นขณะเดินเที่ยว

ซึ่งในบทความนี้เราขอเป็นตัวแทนแนะนำให้คุณได้เลือก ใส่รองเท้ากันลื่นหิมะที่เหมาะสมและมีคุณภาพด้วย 9  Checklist ที่ควรรู้ก่อนเลือกรองเท้ากันหิมะ

9 กฎเกณฑ์การเลือกรองเท้ากันหิมะ ให้คุณปลอดภัยตลอดทริป

รองเท้ากันหิมะ หรือ รองเท้าลุยหิมะ คือรองเท้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อการเดินบนหิมะและน้ำแข็งซึ่งมีความลื่น และนี่คือ 9 เกณฑ์การเลือกรองเท้ากันหิมะ ที่เราอยากให้คุณได้รู้ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการท่องเที่ยว

1. การใช้งาน

สิ่งแรกที่เราควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกรองเท้าบูทกันหิมะ คงจะหนีไม่พ้นการใช้งานรองเท้าที่คุณจะใส่กระเป๋าไปด้วย เพราะรองเท้าแต่ละประเภทก็ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกันไป ซึ่งเราสามารถแบ่งรองเท้ากันหิมะเป็น 2 ประเภท ได้แก่

• รองเท้าบูทลุยหิมะทั่วไป เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน มีคุณสมบัติในการกันน้ำ กันลม และมีดอกยางลื่น
• รองเท้าบูทลุยหิมะสำหรับการทำกิจกรรม เหมาะกับกิจกรรมในฤดูหนาวที่ต้องการการยึดเกาะมากกว่า เช่น เล่นสกี เดินป่า และปีนเขา เป็นต้น

2. อุณหภูมิภายนอก

อุณหภูมิภายนอก เป็นอีกหนึ่งกฎเกณฑ์การเลือกรองเท้ากันหิมะ เพราะวัสดุที่ใช้ผลิตรองเท้าแต่ละชนิด ก็สามารถกันความหนาวได้ในระดับที่ไม่เหมือนกัน โดยวัสดุที่นิยมนำมาใช้เป็นรองเท้าลุยหิมะ มีให้เลือกหลากหลายประเภท เช่น

• หนังกลับ คล้ายคลึงกับผ้ากำมะหยี่ มีความทนทาน สามารถเก็บความอบอุ่นได้ แต่ดูแลรักษายาก ให้ความรู้สึกคลาสสิก หรูหรา
• ผ้าฟลีซ เป็นวัสดุสังเคราะห์ที่กักเก็บความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นุ่มสบาย เหมาะกับการแต่งตัวสไตล์สดใส ลูกคุณหนู
• หนังเคลือบ สวยงาม หรูหรา และยังมีคุณสมบัติในการกักน้ำและเก็บความร้อนได้ดี ทำให้การแต่งตัวดูหรูหรา โดดเด่น
• ขนสัตว์ มักผลิตจากขนสัตว์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่หนาวเย็น จึงสามารถสร้างและกักเก็บความร้อนได้ดี นิยมนำมาบุด้านในรองเท้าประเภทอื่น ๆ

3. ความสูงของรองเท้า

เชื่อหรือไม่ว่า ความสูงของรองเท้ากันหิมะแต่ละคู่ อาจส่งผลถึงความสะดวกสบายในการเคลื่อนที่และการทรงตัวบนหิมะได้ เราจึงควรเลือก เช่ารองเท้าบูท ที่มีความสูงเหมาะสมกับการเดินบนหิมะ ดังนี้

• Ankle Boots รองเท้าหุ้มข้อ สวมใส่สบาย สามารถใช่ได้ในหลากหลายโอกาส
• Calf Boots รองเท้าความยาวระหว่างข้อเท้าและหัวเข่า มักสวมใส่ในชีวิตประจำวัน เพื่อแฟชั่น และการทำกิจกรรมต่าง ๆ
• Knee Boots ความยาวเท่าหัวเข่า สวมใส่ยาก เหมาะกับการออกงานสังคม หรือขี่ม้า
• Over-the-thigh Boots รองเท้าความยาวเหนือเข่า มักใช้ในการออกงานสังคม หรือปาร์ตี้

4. สไตล์การออกแบบ

นอกจากนี้ เราควรใส่ใจถึงสไตล์การออกแบบรองเท้ากันหิมะ เพื่อให้การแต่งตัวของเราสวยงาม โดดเด่น เหมาะกับการเก็บภาพระหว่างทริปอันน่าจดจำ โดยอาจเลือกรองเท้าสีพื้นเพื่อใส่คู่กับ เสื้อโค้ทกันหนาว หลากหลายสไตล์ หรือเลือกใส่รองเท้าสำหรับทำกิจกรรมฤดูหนาวที่ในปัจจุบันก็ถูกออกแบบอย่างสวยงามและมีสไตล์ไม่แพ้รองเท้ากันหิมะทั่วไป

5. ความสามารถในการยึดเกาะ

ก่อนตัดสินใจซื้อรองเท้ากันหิมะ อย่าลืมควรตรวจสอบความสามารถในการยึดเกาะของรองเท้าที่เลือก เพื่อประเมินความปลอดภัยในการเดินบนหิมะ โดยเลือกวัสดุที่เหมาะสม ไม่อ่อนตัวเมืองโดนความเย็น ซึ่งจะช่วยเพิ่มแรงเสียดทานขณะเดินบนหิมะ และก่อนนำรองเท้ากันหิมะคู่เก่าออกไปท่องเที่ยว เราก็ควรตรวจสอบสภาพพื้นยางรองเท้าคู่เดิมให้ดีก่อน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากยางรองเท้าเสื่อมประสิทธิภาพระหว่างการเดินบนหิมะแต่ละแบบ

รูปแบบของหิมะที่อาจส่งผลต่อการเดิน

• Powder Snow หิมะที่ตกลงมาในระยะแรก มีความนุ่มฟู ไม่แข็งหรืออัดแน่น สามารถมองเห็ฯผลิกจากกล้องจุลทรรศน์ด้ได้ชัด 
• Wet Snow หิมะที่ละลายจนมีลักษณะเปียกชื้น ลื่น 
• Black Ice หิมะบริเวณพื้นถนนที่ละลายจนกลายเป็นและแข็งตัว ทำให้มีความลื่นมาก จนเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

6. การกันน้ำและหิมะ

เนื่องจากเราจำเป็นต้องเดินบนหิมะและน้ำแข็ง คุณสมบัติสำคัญที่รองเท้ากันหิมะต้องมีคือ การกันน้ำ เพราะถ้าหากว่า รองเท้าของเราไม่สามารถกันน้ำได้ ก็อาจทำให้หิมะถูกผิวหนัง ละลาย หนาว หิมะกัด และส่งผลต่ออุณหภูมิในร่างกาย

เราควรเลือกรองเท้าลุยหิมะที่แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ พื้นยางกันลื่นและรองเท้า เพราะรองเท้ากันหิมะประเภทนี้มีคุณสมบัติทั้งกันน้ำ กักเก็บความอบอุ่น และระบายอากาศในเวลาเดียวกัน

7. น้ำหนัก

คุณสมบัติของรองรองเท้ากันหิมะที่ดีที่เราควรเลือกใส่ ยังรวมไปถึงน้ำหนักของรองเท้าที่ควรเบา ใส่สะดวกสบาย และทำให้เราสามารถเดินบนหิมะได้คล่องแคล่ว เพราะถ้าเราใส่รองเท้าที่หนักเกินไป ก็อาจทำให้จมลงไปในหิมะได้ง่าย และยังส่งผลต่อความสบายในการเดินเที่ยวอีกด้วย

8. ขนาด

เราควรเลือกรองเท้ากันหิมะที่มีขนาดพอดีกับเท้า ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป โดยรองเท้าที่เหมาะสม ควรมีขนาดที่ใหญ่กว่าเท้าเล็กน้อย เพื่อให้สามารถสวมใส่ถุงเท้าแบบหนาได้พอดี และมีพื้นที่สำหรับระบายอากาศ มิเช่นนั้นอาจทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา ทั้งรองเท้ากัด เจ็บ เดินไม่สบาย หรือทำให้รู้สึกหนาวจากหยดน้ำจากความชื้น

9. แบรนด์รองเท้ากันหิมะ

รู้หรือไม่ว่า การเลือกรองเท้ากันหิมะจากชื่อแบรนด์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยการันตีคุณภาพของรองเท้าได้ เพราะชื่อเสียงของยี่ห้อสามารถบ่งบอกถึงคุณภาพและความเชื่อใจของลูกค้าที่มีต่อสินค้า และปัจจุบันก็มีแบรนด์รองเท้าลุยหิมะมากมายที่ได้รับความนิยม เช่น The North Face, Columbia, Merrell, Timberland และอื่น ๆ อีกมากมาย

เคล็ด (ไม่) ลับการเดินบนหิมะอย่างไรให้ปลอดภัย

นอกจากการเลือกรองเท้ากันหิมะที่เหมาะสมแล้ว เราควรเดินบนหิมะอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการท่องเที่ยว และนี่คือ 3 เทคนิคการเดินบนหิมะที่เราอยากให้ทำ

1. เลือกเดินบนหิมะที่ยังไม่ละลาย

เราควรเลือกเดินบนพื้นผิวหิมะที่มีความนุ่มฟู เพราะบริเวณที่หิมะแข็งหรือละลายมักมีพื้นผิวที่ค่อนข้างลื่นและอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าหิมะทั่วไป โดยเฉพาะ Black Ice หรือน้ำแข็งสีดำ ที่ละลายหลอมรวมเข้ากับพื้นถนน จนทำให้มีความลื่นและสามารถมองเห็นได้ยากกว่าหิมะแบบอื่น

2. ใส่รองเท้ากันหิมะที่เหมาะสม

เราควรเลือกสวมใส่รองเท้ากันหิมะที่เหมาะกับการเดินบนพื้นผิวลื่นและหนาวเย็น โดยรองเท้ากันหิมะควรมีคุณสมบัติกันน้ำ กันลม สร้างความอบอุ่น มีพื้นยางกันลื่น ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี และมีดีไซน์การออกแบบที่ช่วยป้องกันหิมะเข้ารองเท้าได้

3. เดินอย่างช้า ๆ และสั้น ๆ

ระหว่างการเคลื่อนที่บนพื้นผิวหิมะ เราควรระมัดระวังก้าวเดินเสมอ ไม่ว่าจะเป็น การเดินอย่างสติ พยายามทรงตัว เดินช้า ๆ โดยที่ไม่ต้องรีบ เพราะการวิ่งบนหิมะอาจทำให้เราไม่ระมัดระวัง สูญเสียการทรงตัว และลื่นล้มลง

สรุป

ในการท่องเที่ยวแต่ละทริป เราควร จัดกระเป๋าเดินทาง และเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศของแต่ละประเทศ ทั้งการเลือกเสื้อกันหนาว กางเกง หรือรองเท้ากันหิมะ เพราะถ้าเรานำเสื้อผ้าที่ไม่สามารถใช้งานได้จริง เราก็จำเป็นต้องเสียพื้นที่ในกระเป๋าเดินทางไปโดยเปล่าประโยชน์

แต่ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าชุดกันหนาวที่มี จะสามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่หรือไม่ Rent a Coat คือร้าน เช่าชุดกันหนาว ที่มีบริการเช่าและซื้อสินค้าสำหรับกิจกรรมหน้าหนาว ทั้งกางเกงกันหนาว เสื้อขนเป็ด ชุดสกี รองเท้า และอุปกรณ์อื่น ๆ พร้อมทั้งให้คำแนะนำด้านการแต่งตัวโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้การเสื้อผ้าที่คุณเลือกเช่าคุ้มค่ามากที่สุด !